eSIM สามารถใช้งานได้กับอุปกรณ์ทุกชนิดที่มีรหัส EID 32 หลัก ซึ่งได้แก่ สมาร์ทโฟนรุ่นใหม่ๆ
ส่วนใหญ่ รวมถึง iPhone และอุปกรณ์ Android รุ่นล่าสุด หากต้องการค้นหารหัส EID 32 หลัก ของอุปกรณ์ โปรดตรวจสอบการตั้งค่าหรือกด *#06#
หากไม่ปรากฏขึ้น โปรดตรวจสอบข้อมูลจำเพาะอุปกรณ์อย่างเป็นทางการของคุณหรือดูในเมนูการตั้งค่า เนื่องจากอุปกรณ์ที่เข้ากันได้บางเครื่องอาจไม่แสดง EID ทันที

ขึ้นอยู่กับอุปกรณ์ บางอุปกรณ์รองรับการใช้งานซิมคู่ ซึ่งทำให้สามารถใช้ทั้ง eSIM และซิมการ์ด(physical) ได้พร้อมกัน บางอุปกรณ์อาจรองรับได้เพียงซิมการ์ดเดียวในแต่ละครั้ง

ขออภัย ไม่สามารถใช้งานได้ eSIM บนอุปกรณ์ได้เพียงเครื่องเดียวเท่านั้น
หากคุณเปลี่ยนอุปกรณ์ คุณจะต้องซื้อ eSIM ใหม่

จำเป็นต้องเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตเพื่อดาวน์โหลดและเปิดใช้งานโปรไฟล์ eSIM บนอุปกรณ์ของคุณ
เราขอแนะนำให้ใช้การเชื่อมต่อ Wi-Fi ที่เสถียรทุกครั้งที่ทำได้ หากคุณเดินทางมาถึงญี่ปุ่น
คุณสามารถใช้ Wi-Fi ฟรีที่สนามบินต่างๆ เช่น ฮาเนดะ นาริตะ หรือคันไซ เพื่อเปิดใช้งาน eSIM ของคุณ หรืออีกวิธีหนึ่งคือติดตั้งโปรไฟล์ eSIM ก่อนขึ้นเครื่องไปญี่ปุ่น เพื่อให้การเปลี่ยนผ่านเป็นไปอย่างราบรื่น
และเชื่อมต่อได้ทันทีเมื่อเดินทางมาถึง

เรามีสองวิธีในการติดตั้งและเปิดใช้งาน eSIM ของคุณ:

1. สแกนคิวอาร์โค้ด
2. เปิดใช้งานด้วยตนเองโดยใช้รหัสเปิดใช้งาน

เราขอแนะนำวิธีการนี้ตามระบบปฏิบัติการของอุปกรณ์ของคุณ:

• ผู้ใช้ iOS: ใช้คิวอาร์โค้ด ซึ่งจะแสดงบนหน้าจอแอปทันทีหลังจากการซื้อ พร้อมคำแนะนำทีละขั้นตอนที่ชัดเจน เพียงแตะปุ่ม INSTALL เพื่อเริ่มการติดตั้งบนอุปกรณ์ปัจจุบันของคุณ หรือสแกนรหัสหากคุณกำลังติดตั้งบนอุปกรณ์อื่น
• ผู้ใช้ Android: เราขอแนะนำวิธีการเปิดใช้งานด้วยตนเอง เพียงคัดลอกรหัสเปิดใช้งานที่ให้มาในแอปแล้ววางลงในการตั้งค่า eSIM ของโทรศัพท์ของคุณ

สำหรับคำแนะนำโดยละเอียด โปรดดูหน้า "วิธีตั้งค่า eSIM" ของเรา!

หาก eSIM ของคุณใช้งานไม่ได้ โปรดตรวจสอบต่อไปนี้:

1. โทรศัพท์ของคุณปลดล็อคแล้วหรือยัง?หากคุณซื้อโทรศัพท์จากผู้ให้บริการมือถือ
   ซิมของคุณอาจถูกล็อคอยู่ โปรดติดต่อผู้ให้บริการของคุณเพื่อยืนยันว่าอุปกรณ์ของคุณปลดล็อคแล้ว
   และสามารถใช้ eSIM ของบริษัทอื่นได้หรือไม่
2. คุณเคยเปิดใช้งาน eSIM ครั้งแรกแล้วหรือยัง?โดยทั่วไป eSIM จะติดตั้งได้เพียงครั้งเดียวเท่านั้น หากคุณเปิดใช้งาน eSIM บนอุปกรณ์อื่นไปแล้วหรือลบทิ้งไป eSIM อาจไม่สามารถใช้งานได้อีกต่อไป
3. ตรวจสอบการตั้งค่ามือถือของคุณ
   - Wi-Fi: ปิด
   - โหมดเครื่องบิน: ปิด
   - การโรมมิ่งข้อมูล: ปิด
   - ข้อมูลมือถือ: เปิด
4. ตรวจสอบการตั้งค่า APN ของคุณ(สำหรับผู้ใช้ Android): ตรวจสอบให้แน่ใจว่าได้ตั้งค่าชื่อจุดเข้าใช้งาน (APN) อย่างถูกต้องตามคู่มือการตั้งค่าของเรา การตั้งค่า APN ที่ไม่ถูกต้องอาจทำให้ข้อมูลมือถือไม่สามารถใช้งานได้ การตั้งค่า APN จะถูกตั้งค่าโดยอัตโนมัติสำหรับ iOS อย่างไรก็ตาม หากคุณต้องการใช้การเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตผ่านมือถือหรือแชร์ข้อมูล (ฮอตสปอตส่วนบุคคล) คุณอาจต้องป้อน APN ด้วยตนเอง
5. รีสตาร์ทโทรศัพท์: หลังจากติดตั้งและตั้งค่าแล้ว การรีสตาร์ทอุปกรณ์จะช่วยให้โทรศัพท์ของคุณลงทะเบียนเครือข่ายใหม่ได้อย่างถูกต้อง
6. ตรวจสอบแถบสัญญาณ/ชื่อเครือข่าย: หากไม่มีสัญญาณหรือชื่อเครือข่าย "IIJ"
   แสดงว่าซิมอาจเปิดใช้งานไม่ถูกต้อง หรือคุณอาจอยู่ในพื้นที่ที่มีสัญญาณอ่อน
7. ตรวจสอบการอัปเดตซอฟต์แวร์: ตรวจสอบให้แน่ใจว่าอุปกรณ์ของคุณได้ติดตั้งการอัปเดตระบบล่าสุดแล้ว เนื่องจากการอัปเดตเหล่านี้อาจส่งผลต่อความเข้ากันได้ของ eSIM
8. ตรวจสอบให้แน่ใจว่าโทรศัพท์ของคุณมีแบตเตอรี่เพียงพอระดับแบตเตอรี่ต่ำอาจส่งผลต่อประสิทธิภาพการทำงาน โดยเฉพาะอย่างยิ่งในระหว่างการติดตั้งหรือการเชื่อมต่อเครือข่าย

eSIM ไม่ได้ใช้แบตเตอรี่มากกว่าซิมแบบเดิมอย่างไรก็ตาม ขึ้นอยู่กับวิธีการใช้งาน มีปัจจัยบางประการที่ส่งผลต่อการใช้พลังงาน::

1. การใช้งาน 2 SIM(ตัวอย่างเช่น เมื่อคุณใช้ eSIM สำหรับข้อมูลและ SIM ทางกายภาพสำหรับเสียง): โทรศัพท์ของคุณจะต้องรักษาการเชื่อมต่อเครือข่ายสองรายการพร้อมกัน ซึ่งจะเพิ่มการใช้งานแบตเตอรี่
2. โรมมิ่ง: eSIM บางรายการจากแพลนทั่วโลกจะค้นหาเครือข่ายที่ดีที่สุดอย่างต่อเนื่องซึ่งอาจทำให้มีการใช้พลังงานที่สูงขึ้น → ไม่สามารถใช้ได้กับ TOP SIM เนื่องจากไม่จำเป็นต้องโรมมิ่ง
3. ความแรงของสัญญาณต่ำ: ไม่ว่าจะใช้ซิมทางกายภาพหรือ eSIM การอยู่ในพื้นที่ที่มีสัญญาณอ่อน (เช่น ใต้ดินหรือสถานที่ห่างไกล) จะทำให้เครื่องของคุณต้องทำงานหนักขึ้นในการเชื่อมต่อ โดยต้องใช้แบตเตอรี่มากขึ้น
4. การสลับเครือข่ายบ่อยครั้ง: eSIM ที่สลับไปมาระหว่างเครือข่าย (มักเกิดขึ้นกับซิมสำหรับการเดินทางบางรุ่น) อาจกินพลังงานมากขึ้น → ไม่ใช่กรณีของ TOP SIM ที่เชื่อมต่อกับเครือข่าย IIJ เสมอ ช่วยให้การเชื่อมต่อเสถียร

หากคุณลบโปรไฟล์ eSIM ไปแล้ว จะไม่สามารถติดตั้งใหม่ได้ คุณจะต้องซื้อแพ็กเกจใหม่และติดตั้งโปรไฟล์ eSIM ใหม่
หากคุณถอนการติดตั้งแอป TOP SIM เพียงอย่างเดียว แต่โปรไฟล์ eSIM ยังคงอยู่ในอุปกรณ์ คุณสามารถใช้ข้อมูลที่เหลือต่อไปได้ ไม่จำเป็นต้องติดตั้งโปรไฟล์ใหม่ อย่างไรก็ตาม หากไม่มีแอป คุณจะไม่สามารถเติมเงินแพ็กเกจได้ หากต้องการเติมเงิน คุณจะต้องติดตั้งแอปใหม่